
นพ.วิโรจน์ ตันติโกสุม
โรคระบาด โควิด ก่อให้เกิดการเสียชีวิตของผู้คนทั่วโลกจำนวนมาก เหตุการณ์นี้เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ก็เริ่มพบกับความเสี่ยงครั้งใหม่ ซึ่งก็คือ ฝุ่นพิษขนาดเล็กที่เรียกกันว่า PM2.5 ซึ่งเป็นผลจากมลภาวะทางอากาศที่แย่ลงจากฝีมือมนุษย์เอง แต่สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ความตื่นตัวของประชาชนในอันตรายของฝุ่นพิษนี้ ดูเหมือนจะมีไม่มาก เมื่อเทียบกับความตื่นตัวต่อการระบาดโควิดครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ ฝุ่นPM2.5 มีความน่ากลัวมากกว่ามาก
ทำไม ฝุ่นพิษ หรือ ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 จึงร้ายกว่า โควิด ?
1 ฝุ่นPM2.5 ไม่ก่อให้เกิดอาการในระยะสั้น ผู้คนจึงไม่ได้ตะหนักถึงการป้องกัน
การได้รับ เชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกาย จะแสดงความเจ็บป่วยให้เห็น ตั้งแต่รับเชื้อระยะแรก เช่นมีไข้ ไอ หอบ ในขณะที่การแสดงอาการที่เกิดจากฝุ่นPM2.5 ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการในระยะแรกที่ร่างกายได้รับฝุ่นPM2.5เข้าไป เมื่อร่างกายสะสมฝุ่นนี้ไประยะเวลาหนึ่ง จนกระทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคต่างๆ และเมื่ออาการของโรคแสดงออกมา ก็มักจะอยู่ในระยะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น โรคมะเร็งปอด, โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคอัมพาต
เมื่อ ผู้คนไม่ได้ตะหนักถึงภัยของฝุ่นPM2.5 มากนัก จึงขาดการป้องกันที่ดี
2 ฝุ่นPM2.5 อยู่ในทุกที่ ที่มีอากาศ
ทุกคน มีความเสี่ยง ต่อโรคที่เกิดจาก ฝุ่นนี้ เท่าเทียมกัน ตราบใดที่มนุษย์ยังต้องหายใจ เป็นการยากนะครับที่เราจะหลีกเลี่ยงไม่สูดเอาฝุ่นPM2.5 ซึ่งล่องลอยอยู่ในอากาศทุกที่ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เข้าร่างกาย บางคนอาจจะเข้าใจว่า การใส่หน้ากากอนามัย เหมือนตอนเกิดโรคระบาดโควิด จะป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ ซึ่ง หน้ากากอนามัยทั่วไป ไม่สามารถดักกรองฝุ่นPM2.5 ได้ เป็นเพราะว่า ฝุ่นมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่า2.5ไมครอน ซึ่งสามารถผ่านหน้ากากเข้าทางเดินหายใจของเราได้
บางคนอาจจะสงสัยว่า โควิด มีขนาดเล็กกว่า ฝุ่นPM2.5 หน้ากากอนามัย ก็ไม่น่าจะป้องกันโควิดได้เหมือนกัน แต่ ทำไมจึงมีการแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัย ป้องกันโควิด ความจริงแล้วหน้ากากอนามัย ไม่สามารถป้องกันการผ่านของ ทั้ง เชื้อโควิดและ ฝุ่น PM2.5 ได้ แต่ ด้วยเหตุผลที่ เชื้อโควิด จะออกมาจากร่างกายผู้ป่วยที่เป็นโควิด ในรูปของเชื้อที่ปนอยู่ในละอองน้ำลาย หรือ เสมหะ อีกทั้ง ส่วนใหญ่ตัวเชื้อจะไม่ได้ฟุ้งกระจายเป็นละอองฝอย ล่องลอยในอากาศเหมือน ฝุ่นPM2.5 การใส่หน้ากากอนามัยในผู้ป่วยที่เป็นโควิด ก็จะช่วยดัก เสมหะ หรือละอองน้ำลายที่มีเชื้อโควิดปนอยู่ได้
วิธีหนึ่งที่จะสามารถป้องกันฝุ่นPM2.5ได้ ก็คือการใส่ หน้ากาก แบบป้องกัน PM2.5 แต่ในชีวิตจริง การใช้หน้ากากแบบนี้ ก็มีข้อจำกัด คือ หน้ากากมีราคาแพง, ไม่สามารถใช้ซ้ำๆได้, และการใช้ หน้ากาก ก็ต้องใช้อย่างถูกต้อง เช่น หน้ากากต้องมีความกระชับกับใบหน้าจริง คือ ไม่มีช่องว่างระหว่าง ใบหน้ากับหน้ากาก ทำให้ ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถทนต่อการใส่หน้ากากแบบนี้เป็นเวลานานได้
3. ฝุ่นPM2.5 ก่อให้เกิดโรคที่ร้ายแรงมากกว่า โควิด
หลายท่านคงได้ผ่านตา ข่าวการเสียชีวิตกระทันหัน หรือเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ของคนหนุ่มสาว ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ ทั้งที่ ผู้ป่วยไม่เคยสูบบุหรี่ และนับวัน อัตราการเสียชีวิตก็ยิ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะที่ เชื้อโควิด มักจะก่อให้เกิดการเสียชีวิตเฉพาะใน ผู้ป่วยที่อายุมาก ไม่แข็งแรง หรือ มีโรคประจำตัว เหตุผลที่ฝุ่นPM2.5 สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรงมากมาย ก็เพราะว่า ฝุ่นซึ่งเป็นสารพิษที่มีขนาดเล็กมาก เล็กจนสามารถ ผ่านจากทางเดินหายใจ ลงสู่ปอด และ ผ่านเนื้อปอด หรือ ผนังถุงลม เข้าไปในกระแสเลือดแล้วกระจายทั่วร่างกาย ทำให้ ฝุ่นPM2.5 ไม่ได้ก่อปัญหาเฉพาะที่ปอด ยังก่อให้เกิดโรคกับอวัยวะทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะก่อให้เกิด อัมพาต, โรคสมองเสื่อม, โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคไตวาย และอีกหลายๆโรคที่กำลังรอการพิสูจน์
4. ฝุ่นPM2.5 ไม่มีวัคซีน
ร่างกายคนเรา สามารถจัดการกับโควิดได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันเองหลังจากการติดโรค หรือ จากการได้รับวัคซีน ทำให้ มนุษย์เราสามารถใช้ชีวิตร่วมกับโควิดได้ แต่ ร่างกายคนเรา ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดจาก ฝุ่นPM2.5 ได้ มีแต่รอเวลาว่า ฝุ่นPM2.5 ที่เข้าไปสะสมในร่างกาย มีปริมาณมากพอ ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ เซลล์ในร่างกาย จนก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา
5. ฝุ่นพิษ ไม่ได้มีแค่ PM2.5 ฝุ่นPM2.5เป็นคำนิยามของ ละอองของสารพิษ ที่มีขนาด0.1-2.5ไมครอน เท่านั้น แต่ในสภาวะอากาศที่เป็นพิษ ยังมีสารพิษ อื่นๆที่ยังไม่ได้มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางเหมือนPM2.5 เช่น PM10, PM0.1 โดยเฉพาะ PM0.1 ซึ่งมีขนาดเล็กลงไปอีก เล็กกว่า 0.1 ไมครอน ฝุ่นที่ยิ่งมีขนาดเล็ก โอกาสที่ฝุ่นเหล่านี้จะเข้าไปสะสมและก่อโรคกับอวัยวะต่างๆในร่างกายยิ่งง่ายขึ้น
ตราบใดที่ ภาครัฐยังไม้ได้ตระหนัก เตรียมตัววางมาตรการแก้ไข ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตั้งแต่วันนี้ การสะสมของสารพิษในอากาศก็จะยิ่งมากขึ้นในอนาคต ทำให้สุขภาพของผู้คนโดยเฉพาะเด็กๆในวันนี้ ก็จะมีการสะสม สารพิษมากขึ้น แน่นอนครับ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การเจ็บป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง การเสียชีวิตกระทันหัน ของผู้คนในวัยหนุ่มสาว ที่มากขึ้น รวมไปถึง ผู้คนมีอายุขัยที่สั้นลง